การเรียนรู้แบบเลิศหล้า ผู้นำหลักสูตร English Program
คำขวัญ “เลิศล้ำคุณธรรม เลิศหล้าวิชาการ”
1. หลักสูตร และเป้าหมายของการจัดการเรียนรู้
- ระดับปฐมวัย หรือ ระดับอนุบาล “อ่านออก เขียนได้ คิดเลขเป็น”
มุ่งเน้นให้เด็ก ๆ มีพัฒนาการตามวัยทั้ง 4 ด้าน คือ ด้านร่างกาย ด้านอารมณ์จิตใจ ด้านสังคม และด้านสติปัญญา ผ่านกระบวนการเรียนรู้ ตามแผนการจัดประสบการณ์สอน เป็นหน่วยการเรียนรู้ 1 หน่วย ต่อ 1 สัปดาห์ ที่โรงเรียนสร้างขึ้น โดยจะนำทักษะชีวิตที่จะต้องเริ่มตั้งแต่วัยเด็ก และสิ่งแวดล้อมในชีวิตประจำวันของนักเรียนมาประสานเข้าด้วยกันเป็นหนึ่งของบทเรียน และเรียนรู้ด้วยวิธีธรรมชาติ ผ่านการปฏิบัติจริงด้วยประสาทสัมผัสทั้ง 5 ทุกกิจกรรม ประกอบกับการสอดแทรกเนื้อหาวิชาการผนวกเข้าด้วยกันไว้ในบทเรียน ที่เรียกว่า “บูรณาการ” จึงถือเป็นการเรียนรู้ทั้งศาสตร์และศิลป์ ไปพร้อมๆ กันอย่างลงตัวและมีประสิทธิภาพ
ทั้งหมดนี้ เป็นกลไกการเรียนรู้ที่โรงเรียนสร้างขึ้นเพื่อให้เด็กเรียนรู้อย่างมีความสุข ไม่ถูกยัดเยียดให้ท่องจำ อีกทั้งเด็กจะรู้สึกสนุก ไม่รู้สึกเครียด พร้อมทั้งได้เนื้อหาในส่วนที่ควรจะได้รับรู้อย่างไม่ทันตั้งตัว และทำให้ครูสามารถสังเกตความถนัดของเด็กเป็นรายบุคคล และพัฒนาในด้านนั้นๆ ให้เด่นชัดขึ้นด้วยเช่นกัน
- ระดับประถมศึกษา และมัธยมศึกษา “คิดเป็น ทำเป็น แก้ปัญหาได้ ในระดับประถมศึกษา และคิดสร้างสรรค์ อย่างมีจินตนาการ ในระดับมัธยมศึกษา”
ด้วยการจัดการเรียนรู้ “หลักสูตรเข้มข้น และวิชาการที่เข้มแข็ง” ครูจะเป็นผู้ถ่ายทอดองค์ความรู้ คอยชี้แนะ ออกแบบการจัดการเรียนรู้ เพื่อให้เด็กรู้จักตั้งโจทย์ เรียนรู้ที่จะหาคำตอบ และหาวิธีการแก้ปัญหาด้วยตนเอง ซึ่งจะมีการเสริมสร้างทักษะในด้านการใช้เทคโนโลยีเข้ามา มีการใช้ iPad และ iTunes ซึ่งพฤติกรรมของนักเรียนวัยประถมศึกษา จะมีความสามารถคิดเหตุผลเชิงตรรกะได้ สามารถรับรู้สิ่งแวดล้อมตามความเป็นจริง สามารถพิจารณาเปรียบเทียบจัดของเป็นกลุ่มโดยใช้เกณฑ์หลายอย่าง เริ่มเข้าใจกฎเกณฑ์ต่างๆ ดังนั้นการจัดการเรียนในวัยนี้ คุณครูจะเน้นให้เด็กๆ ได้รู้จักการตั้งคำถามอย่างสร้างสรรค์ และค้นหาคำตอบด้วยตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นการค้นคว้าด้วยหนังสือ หรือค้นคว้าจากเทคโนโลยี ดังนั้นจึงทำให้เด็กรู้จักการค้นหาข้อมูลผ่านเทคโนโลยี และได้เรียนรู้ที่จะใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ให้เกิดประโยชน์ต่อการศึกษา เช่น วิชาคณิตศาสตร์ครูจะให้เด็กตั้งโจทย์คำถามเอง เด็กจะได้เชื่อมโยงทักษะภาษาไทยเข้าไปด้วย เช่น การแต่งประโยคก็ดี ลักษณะนามก็ดี เรียกได้ว่าผู้เรียนจะเป็นได้ทั้งผู้ตั้งคำถาม ผู้หาคำตอบ และผู้ถ่ายทอด ในเวลาเดียวกันอย่างมีคุณภาพ
สำหรับพฤติกรรมของนักเรียนวัยมัธยมศึกษาตอนต้น ตามธรรมชาติของเด็กวัยนี้ มักจะเริ่มมีความคิดเป็นของตนเอง ดังนั้นทางโรงเรียนจึงมีพื้นที่ให้เด็กได้ใช้อุดมการณ์ (Idea) ของตน มาเป็นประโยชน์กับการเรียนรู้วิชาการไปพร้อมๆกัน เช่น การส่งเสริมให้นักเรียนจัดแสดงผลงาน / นิทรรศการด้วยตนเอง ซึ่งจากกิจกรรมนี้ เด็กๆ จะได้เสริมทักษะ ทั้งเรื่องการหาข้อมูลวิชาการด้วยตนเอง การใช้จินตนาการความคิดสร้างสรรค์ และการทำงานร่วมกับผู้อื่น เช่นนี้ เด็กจะได้รู้จักวิธีการหาข้อมูลที่ตนสงสัย และรู้จักการทำงานร่วมกับเพื่อนๆ พร้อมทั้งการใช้เทคโนโลยีควบคู่กันไป
2. กระบวนการเรียนรู้ในรูปแบบสองภาษา English Program
โรงเรียนได้จัดวิชา / คาบเรียน ชั่วโมงครูต่างประเทศ ในอัตราส่วน ร้อยละ 50 ของการเรียนทั้งหมด ด้วยหลักสูตรจากประทศแคนนาดา มาผสมผสานกับหลักสูตรของประเทศไทย สอนโดยครู Native English Speaker ที่มีเทคนิคการจัดการเรียนรู้ที่สนุกสนาน ดึงดูดความสนใจของนักเรียน เรียนรู้เนื้อหาวิชาการของต่างประเทศไปพร้อมกับ เนื้อหาวิชาการของไทยที่เกี่ยวเนื่องเชื่อมโยงกันไปตลอดหลักสูตร และร้อยเรียงจากง่ายไปยากตามลำดับ เช่น ครูไทยสอนพยัญชนะไทย ครูต่างประเทศจะสอน ตัวอักษรภาษาอังกฤษ โดยเด็กๆ จะรู้สึกว่าภาษาอังกฤษนั้นเป็นภาษาของเขาเอง และใช้ภาษาอังกฤษอย่างเป็นธรรมชาติ ผ่านกิจกรรม Circle time ซึ่งเป็นกิจกรรมที่มีลักษณะทำซ้ำ ทำย้ำ ทำทวนหลายๆ รอบ จึงช่วยให้ภาษาอังกฤษได้แทรกซึมเข้าไปในชีวิตประจำวันของเด็กๆ ซึ่งแต่ละชั้น จะมีการเน้นพัฒนาทักษะที่แตกต่างกันออกไป ดังนี้
- ระดับเตรียมอนุบาล และอนุบาล 1-3
เด็กๆ วัยนี้ จะได้เรียนรู้ภาษาอังกฤษ โดยครู Native English Speaker ที่เน้นทักษะการฟัง และพูด เป็นสำคัญ เนื่องจากพื้นฐานการพูดที่ดี จะต้องเริ่มต้นจากการฟังที่มีคุณภาพ การฟังภาษาอังกฤษให้เข้าใจ หรือพูดได้นั้น เด็กๆ จะต้องมีโอกาสได้ใช้ภาษาด้วยวิธีธรรมชาติ ผ่านกิจกรรม Circle time ด้วยการตั้งคำถามจากประโยคง่ายๆ เน้นให้เด็กฟังออก และฝึกตอบคำถามภาษาอังกฤษ ด้วยประโยคสั้นๆ มุ่งเน้นการสื่อสาร และเล่าเรื่อง หรือบรรยายภาพที่ประทับใจเป็นภาษาอังกฤษ ความยากง่ายขึ้นกับช่วงวัย ตามลำดับ
- ระดับประถมศึกษา และมัธยมศึกษา
จากหลักสูตรของประเทศแคนาดา มาผสมผสานกับหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ จนเป็นหลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนเลิศหล้าถนนกาญจนาภิเษก ผู้นำหลักสูตร English Program นั้น มีกระบวนการพัฒนามาอย่างหลากหลาย และลงตัวในรูปแบบของการเรียนรู้แบบเลิศหล้า กล่าวคือ โรงเรียนเลิศหล้าถนนกาญจนาภิเษก ได้นำผลการเรียนรู้ที่คาดหวังของหลักสูตรไทย หลอมรวมเข้ากับผลการเรียนรู้ที่ตรงกับหลักสูตร แคนาดา เรียกว่า Specific Learning Outcomes เมื่อนำมาหลอมรวมกันแล้วนักเรียนจะได้เรียนรู้ และเกิดความชำนาญทั้ง 2 ด้านทั้งด้านกระบวนการ และเนื้อหาวิชาการไปพร้อมๆ กัน ข้อดีของการเรียน English Program โรงเรียนเลิศหล้าถนนกาญจนาภิเษกนั้น เปรียบเสมือนเรียนหลักสูตรนานาชาติ เนื่องจากผลสัมฤทธิ์ที่คาดหวังของหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ มีเพียง 4 ทักษะคือ ฟัง พูด อ่านและเขียนแต่ เมื่อเรียนรู้ด้วยหลักสูตรของโรงเรียน นักเรียนจะมีผลสัมฤทธิ์ที่เพิ่มจาก 4 ทักษะเป็น 6 ทักษะ คือ ทักษะการฟัง การพูด การอ่าน การเขียน ทักษะการสำรวจแสวงหาความรู้ และทักษะการถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ที่เกิดจากการเรียนรู้
โดยโรงเรียนฯ ได้จัดครู Native English Speaker ที่ผ่านการอบรมการใช้หลักสูตรแคนาดา มาเป็นอย่างดี จึงมีความชำนาญในการใช้หลักสูตรเพื่อจัดการเรียนการสอนอย่างมีคุณภาพและประสิทธิภาพ เข้าสอนในระดับประถมศึกษา 5 รายวิชา คือ English Language Art, Science, Math, Physical Education และ Computer และระดับมัธยมศึกษา 6 รายวิชาคือ English Language Art, Science, Math, Physical Education, Health Education และ Computer ผ่านแผนการจัดประสบการณ์สอนที่ครูไทย และครูชาวต่างประเทศ ได้ประสานความร่วมมือจัดทำเนื้อหาการเรียนที่ครอบคลุมกับตัวชี้วัด ไปสู่นักเรียนอย่างเท่าเทียมกันทุกกลุ่ม ทุกห้องเรียน ด้วยสื่อการเรียน แบบเรียนเป็นภาษาอังกฤษที่เกิดจากการวิเคราะห์ และพัฒนาจากครูที่ชำนาญการ จัดพิมพ์เป็นของโรงเรียน รวมถึงแบบเรียนชั้นนำจากต่างประเทศ
ดังนั้นนักเรียนโรงเรียนเลิศหล้าถนนกาญจนาภิเษก จะได้เรียนเนื้อหาความรู้จะเชื่อมโยงกับเนื้อหาของไทย เช่นการทดลองวิทยาศาสตร์ ก็จะได้เนื้อหาสาระเชิงลึกมาจากครูไทย แต่จะได้พัฒนาทักษะการสื่อสารและศัพท์เฉพาะด้าน เป็นภาษาอังกฤษระหว่างการทดลอง เช่นนี้ทำให้เด็กโรงเรียนเลิศหล้ารู้ทั้งวิชาการ และสื่อสารด้วยศัพท์วิชาการเป็นภาษาอังกฤษได้ในเวลาเดียวกัน
นอกจากวิชาหลักแล้วโรงเรียนยังเห็นความสำคัญของ หลักการใช้ไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ ที่คนไทยมักจะให้ความสำคัญเป็นลำดับต้น ๆ ดังนั้นโรงเรียนฯ จึงจัดการสอนเรื่องของการใช้ไวยากรณ์ให้กับนักเรียน ในรายวิชา Grammar เพื่อส่งเสริมศักยภาพด้านการใช้ภาษาอังกฤษของนักเรียนให้แม่นยำและเป็นธรรมชาติด้วยเช่นกัน
สำหรับจุดเด่นของการเรียนรู้วิชาภาษาอังกฤษ จากครูชาวต่างประเทศ ที่เป็น Native English Speaker ในแต่ละคาบนั้น เด็กๆ จะเตรียมตัวเข้าสู่บทเรียนด้วยการฟังเรื่องเล่าจากครู พร้อมทั้งร่วมตอบคำถามจากเรื่องเล่าเสมอ และทุกๆสัปดาห์ เด็กจะเขียนเล่าเรื่องตนเอง โดยครูจะไม่ชี้ผิดหรือถูก แต่ให้เด็กหาให้ได้ว่าผิดหรือถูกตรงไหน ทำให้เด็กสนุกกับการเรียนภาษาอังกฤษ ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ เพื่อให้ผู้ปกครอง หรือผู้เกี่ยวข้อง มั่นใจว่าโรงเรียนของเราจะสามารถพัฒนาบุตรหลานของท่าน ในทักษะทุกๆ ด้าน อย่างมีประสิทธิภาพพร้อมให้ออกไปเผชิญกับสังคมภายนอกที่มีการแข่งขันสูง ได้อย่างภาคภูมิ และท้ายสุดนี้ขอให้ท่านเชื่อว่า จะไม่มีวันผิดหวัง หรือรู้สึกเสียดายที่ฝากอนาคตลูกของท่านไว้กับเรา